นางกากี
ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภภิกษุผู้กะสันจะสึกรูปหนึ่งตรัสให้โอวาทว่า
"ภิกษุ ธรรมดามาตุคาม (แม่บ้าน) ใคร ๆ ก็รักษาไว้ไม่ได้
โบราณบัณฑิตในครั้งก่อน
ถึงจะยกมาตุคามขึ้นไปไว้ในวิมานฉิมพลีในท่ามกลางมหาสมุทรก็ไม่อาจรักษาสตรีได้"
แล้วได้นำอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพระราชาผู้ครองเมืองพาราณสี มีมเหสีพระนามว่า กากาติ
มีพระรูปโฉมงดงามยิ่ง ใครเห็นใครก็ลุ่มหลงในความงาม
ในวันหนึ่งมีพญาครุฑตนหนึ่งแปลงร่างเป็นมนุษย์มาเล่นสกา (การพนันชนิดหนึ่ง)กับพระราชา
ได้พบเห็นพระนางกากาตินั้นแล้วเกิดความรักใคร่ในนาง
จึงแอบพานางหนีไปอยู่ที่วิมานฉิมพลีอันเป็นที่อยู่
พระราชาเมื่อไม่พบเห็นพระเทวีจึงตรัสเรียกคนธรรพ์ชื่อ นฏกุเวรมาเข้าเฝ้า
พร้อมมอบหมายให้นำพระเทวีกลับมาให้ได้
ฝ่ายคนธรรพ์ทราบที่อยู่ของครุฑแล้ว จึงไปนอนแอบซุ่มอยู่ในดงตะไคร้ข้างสระลูกหนึ่ง
พอครุฑบินไปจากสระก็แอบกระโดดเกาะระหว่างปีกครุฑไปจนถึงวิมานฉิมพลี
แอบได้เสียกับพระนางกากาติที่วิมานนั้น
แล้วก็อาศัยครุฑนั้นแหละกลับมาเมืองพาราณสีอีก
ในวันหนึ่งขณะที่พญาครุฑเล่นสกากับพระราชาอยู่
คนธรรพ์ก็ทำทีเป็นถือพิณมาที่สนามสกา ขับร้องเป็นเพลงว่า
"หญิงรักคนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใด
กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางใด นางนั้นชื่อกากาติ
อยู่ไกลจากที่นี้"
พญาครุฑพอได้ฟังแล้วสะดุ้งจึงถามเป็นนัยว่า "ท่านข้ามทะเลมหาสมุทรทั้ง
๗ แห่งไปได้อย่างไร ท่านขึ้นวิมานฉิมพลีได้อย่างไร" นฏกุเวรจึงตอบว่า
"เราข้ามทะเลมหาสมุทรทั้ง ๗ แห่งได้ก็เพราะท่าน
ขึ้นวิมานฉิมพลีได้ก็เพราะท่านนั้นแหละ"
พญาครุฑพอได้ทราบความจริงแล้ว ก็กล่าวติเตียนตนด้วยความเสียใจว่า
"ช่างน่าติเตียนเสียนี่กระไร เรามีร่างกายใหญ่โตเสียเปล่าไม่มีความคิด
จึงเป็นพาหนะให้ชายชู้ของเมียทั้งไปและกลับ น่าเจ็บใจจริง ๆ"
กล่าวจบก็คืนร่างเป็นพญาครุฑไปนำพระนางกากาติมาคืนพระราชาแล้วไม่หวนคืนกลับมาเล่นสกากับมนุษย์อีกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น